บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หลวงพ่อเลิกสอนธรรมกาย


ปกติเมื่อมีเวลาว่าง หรือต้องการพักผ่อนจากการทำวิจัย การเรียนการสอน ผมก็จะเข้าไปค้นหาอ่านกระทู้ธรรมะต่างๆ ในเว็บไซต์อยู่เสมอ

วัตถุประสงค์หลักก็คือ เพื่อหาข้อมูลที่หาจากหนังสือไม่ได้

วัตถุประสงค์รองก็คือ ต้องการรู้ว่าวงการธรรมะในเว็บไซต์ไปกันถึงไหนแล้ว  ยังมีพวกที่มีความโง่งมงาย อยู่เต็มอกแต่เก็บไว้ไม่อยู่ ชอบนำออกมาแสดงให้ชาวบ้านชาวเมืองรู้ว่าตนเองโง่ ยังมีอยู่อีกบ้างไหม

ปรากฏว่า ก็พบอยู่เรื่อยๆ พวกโง่ตัวจริงเสียงจริงนี่ มักจะ จมปลักอยู่ในเว็บ

ส่วนพวกที่มีความฉลาด เขาจะเข้ามาทดลองศึกษา พอรู้แล้วส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการก้าวหน้าไป เช่น ไปทำเว็บไซต์ของตัวเอง ไปเขียนหนังสือ เป็นต้น

แต่พวกโง่ตัวจริงเสียงจริงก็มักจะไม่มีที่ไป กี่ปีกี่ปีก็วนเวียนอยู่ในเว็บนั่นเอง กล่าวได้ง่ายๆ ว่า กี่ปีกี่ปีก็โง่อยู่อย่าง ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ

ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น มีหลักฐานสนับสนุน เพราะ ผมเองก็เคยเข้าไปอาละวาดอยู่ในเว็บต่างๆ ตั้งแต่สมัย ยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ

กลับมาเมืองไทยก็ยังวนเวียนเข้าไปบ้าง แต่พอเรียนจบแล้ว ก็เลิกเลย เพราะ วุฒิภาวะของการทำงานไม่สมควรที่จะไปทำอย่างนั้น ก็จึงสนับสนุนให้กลุ่มเดียวกันมาตั้งเว็บไซต์เอง และก็มาเขียนอยู่ที่นี่

คู่ต่อสู้ในสมัยที่อยู่อังกฤษ ที่ยังจำได้ก็มี คุณช้าง คุณโชติ ท่านวงกลม เป็นต้น

คุณช้างนี่ไม่เห็นเข้ามาในเว็บอีกเลย แต่คุณโชติก็ยังคงจมปลักอยู่ในเว็บเช่นเดิม ความรู้ท่านยังคงเท่าเดิม ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ส่วนท่านวงกลมนี่ก็เห็นเข้ามาเป็นครั้งคราว

ข้อมูลเก่าๆ ตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษ ผมยังบันทึกไว้ทั้งหมด วันหลังว่างๆ จะนำมาเปิดเผยเพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป

สำหรับบทความนี้ เขียนขึ้นเพราะไปพบว่า มีคนปัญญาอ่อนตัวจริงเสียงจริง ได้ทำเรื่องปัญญาอ่อนทางวิชาการ กล่าวคือ พยายามนำเสนอว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอนวิชาธรรมกายไปแล้ว

โดยมีหลักฐานจากรูปถ่ายของหลวงพ่อวัดปากน้ำกับข้อความที่เป็นลายมือของท่าน และหนังสือชื่อ คำถาม-คำตอบ เรื่องวิปัสสนากรรมฐานของพระเทพสิทธิมุนี (โชดก ป. 9) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เจ้าคณะภาค 9 ซึ่งพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน ในงานทำบุญคล้ายวันเกิด 15 เมษายน 2528

ผมจึงนำมาเขียนเป็นบทความเรื่อง “หลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอนวิชาธรรมกาย เรื่อง ปัญญาอ่อนทางวิชาการของคนปัญญาอ่อน

บทความนี้จะชี้ให้เห็นว่า หนังสือเล่มดังกล่าวเป็นหนังสือที่ใช้ไม่ได้ พระภิกษุไม่ควรจะทำหนังสือเช่นนั้นออกมา นอกจากนั้นแล้ว บุคคลที่นำมาเผยแพร่ก็เป็นบุคคลปัญญาอ่อนโดยสิ้นเชิง

เมื่อนำมาลงอีกครั้งที่นี่ ผมจึงปรับชื่อบทความให้สั้นลง เพื่อให้เหมาะสมกับหน้าของบล็อก

มองในภาพรวม

ก่อนที่จะลงลึกไปในรายละเอียด  ผมขอเสนอภาพรวมๆ ให้เห็นเสียก่อนว่า  เมื่อมองในภาพรวมๆ แล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอนวิชาธรรมกายจริงหรือไม่

เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำมรณภาพไปแล้ว วิชาธรรมกายนั้น แพร่กระจายไปไกลและมากกว่าตอนที่หลวงพ่อวัดปากน้ำมีชีวิตอยู่เสียอีก

มีผู้สนใจและเรียนรู้ในวิชาธรรมกายมากเป็นนับเป็นหลักสิบล้านคนขึ้นไป

พูดอย่างง่ายๆ ไม่ต้องนับคนให้จริงจังอย่างทำวิจัย ตอนนี้คนที่ฝึกวิชาธรรมกายนั้นมีมากกว่าสายปฏิบัติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพุทโธ ยุบหนอพองหนอ/ยุบพอง หรือสายนะมะพะทะ

กลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่เผยแพร่วิชาธรรมกายจำนวน 3 กลุ่มคือ วัดพระธรรมกาย วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม และกลุ่มวิทยากรของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช ทั้ง 3 กลุ่มนี้รวมกัน ไม่รู้ว่าเผยแพร่วิชาธรรมกายไปแล้วกี่ล้านคน

กลุ่มวิทยากรของคุณลุงการุณย์ สอนนักเรียน/นักศึกษา/ประชาชนไปแล้วมากกว่า 1,000,000 คน  

ในการนี้ไม่ได้หมายถึงว่า ผมเห็นด้วยในการกระทำของวัดพระธรรมกายในประเด็นเกี่ยวกับการเรี่ยไรเงินทำบุญนะครับ แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า ตอนนี้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติธรรม สายวิชาธรรมกายเผยแพร่ได้มากกว่าสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ

ประเด็นที่จะชี้ให้เห็นก็คือว่า ถ้าหลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอน เลิกปฏิบัติวิชาธรรมกายจริงๆ คณะลูกศิษย์จะเอาหลักวิชาที่ไหนไปเผยแพร่จนกระทั่งมีคนเรียนนับเป็นสิบล้านคน

ในการเผยแพร่วิชาธรรมกายนั้น ต้องใช้หลักวิชา ใช้การปฏิบัติธรรมเป็นหลักในการเผยแพร่ มีหลักสูตรชัดเจน วิทยากรที่ไปสอนก็ต้องปฏิบัติได้ ไม่งั้นจะสอนกันได้ยังไง

วิทยากรในระยะหลังๆ นี่ การศึกษาไม่ได้ต่ำๆ นะครับ ปริญญาโท ปริญญาเอกมีมากมาย มีทั้งสายวิศวกรรม สายแพทยศาสตร์

วิทยากรกลุ่มนี้จะไม่รู้เลยหรือว่า วิชาธรรมกายมีข้อบกพร่อง จนกระทั้งหลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอน เลิกปฏิบัติไปแล้ว

เมื่อมองในภาพรวมแล้ว จะเห็นได้ว่า เป็นไปได้ยากมากที่หลวงพ่อวัดปากน้ำจะเลิกปฏิบัติ และเลิกสอนวิชาธรรมกาย เพราะ การเผยแพร่วิชาธรรมกายหลังจากหลวงพ่อวัดปากน้ำมรณภาพแล้ว ปรากฏว่า ไปได้ไกลและมีคุณภาพมากกว่าตอนที่หลวงพ่อวัดปากน้ำยังมีชีวิตอยู่เสียอีก

นายปัญญาอ่อนคนนี้เป็นคนที่สอง

ความจริงประเด็นนี้ มีคนปัญญาอ่อนเล่นไปก่อนแล้ว ซึ่งเล่นอยู่ค่อนข้างคนเดียวเสียด้วย คือ ไม่มีนักวิชาการคนอื่นๆ มาเล่นประเด็นนี้ด้วย  ซึ่งผมจะบอกภายหลังว่า ทำไมนักวิชาการคนอื่นๆ ที่ฉลาดๆ ไม่ยอมลงมาเล่นประเด็นนี้

คนปัญญาอ่อนบุคคลแรกก็คือ คนที่บวชเณรจนกระทั่งได้เปรียญเก้า มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ กลับมาก็สึกจากพระ มาเป็นคฤหัสถ์ที่ไม่ธรรมดา เพราะ ตอนเย็นก็เล่นเหล้า เคล้านารีหรือเปล่าไม่รู้

แต่มีมิจฉาทิฐิโดยเหตุผลใดไม่ทราบกลับไปโจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า เลิกสอนวิชาธรรมกายไปแล้ว หนังสือที่นำไปเป็นหลักฐานก็คือ หนังสือเล่มที่ปัญญาอ่อนสองนำมาเป็นหลักฐานนี่แหละ

ในการเผยแพร่บทความนี้ ครั้งแรกๆ ผมไม่ได้บอกว่า นายปัญญาอ่อนคนหนึ่งนั้นเป็นใคร เพราะเป็นเว็บสาธารณะ บล็อกสาธารณะ Admin ของเว็บ ของบล็อกมีสิทธิ์ถูกฟ้องหมิ่นประมาทเอาได้

แต่ในบล็อกนี้เป็นบล็อกส่วนตัว จึงกล้าที่จะบอกได้ว่า ปัญญาอ่อนคนที่หนึ่งคือ เสฐียรพงษ์ วรรณปก

เสฐียรพงษ์ วรรณปก หรือปัญญาอ่อนหนึ่งนั้น ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับกันในวงวิชาการมากนัก หนังสือที่ออกมาก็เป็นหนังสือตั้งชื่อคน ตั้งชื่อเด็กไปตามเรื่อง ปัจจุบันนี้แทบจะหายไปจากวงวิชาการหลักๆ เลยทีเดียว

เมื่อปัญญาอ่อนหนึ่ง หยิบเรื่องนี้มาโจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่มีนักวิชาการท่านอื่นๆ ไปร่วมลงไม้ลงมือด้วยเลย

ไม่เหมือนประเด็นที่ว่า นิพพานเป็นอัตตาซึ่งมีนักวิชาการไปร่วมหัวจมท้ายกับเป็นจำนวนมาก

ซึ่งปัจจุบันก็จมน้ำตายกันในทางวิชาการจริงๆ เพราะ ผมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนว่า นิพพานเป็นนิจจัง/สุขัง/อัตตา[1] ไม่ได้สอนว่า นิพพานเป็นอัตตา

พวกที่โจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำกระทำอนันตริยกรรมในทางวิชาการ ที่ไปตัดเอาคำ นิจจัง/สุขังออกไป เพราะ ไม่มีใครเถียงกันในประเด็นนี้

นอกจากนั้นแล้ว ยังเอาความหมายของ อัตตาที่ตนแปลงเสียใหม่ ใส่ลงไปอีก

ในความเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนถูกแล้ว คำว่า นิจจัง/สุขัง/อัตตาเป็นคำคุณศัพท์ (adjective) ซึ่งบรรยายสภาวะของนิพพาน

การกระทำของนักวิชาการที่ตัดเอาคำว่า นิจจัง/สุขังออกไป แล้วไปแปลคำว่า อัตตาในความหมายอื่นที่หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้ใช้

นักวิชาการจอมปลอมเหล่านั้น กระทำตัวเหมือนนักการเมืองมากกว่านักวิชาการ คือ ต้องการทำลายหลวงพ่อวัดปากน้ำอย่างเดียว ไม่ได้คำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรมแต่อย่างใด

สมมุติว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า อัตตาเพียงคำเดียว แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำก็สอนถูกเข้าไป 2 คำแล้ว คือ นิพพานเป็นนิจจัง/สุขัง

เมื่อพิจารณาการทำงานของหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว หลวงพ่อทำเพื่อศาสนา เพื่อวัดปากน้ำ เพื่อประชาชนจริงๆ หลวงพ่อมรณภาพก็ไม่เคยปรากฏว่า มีเงินฝากธนาคารไว้เป็นร้อยล้านพันล้านเมื่อไหร่

ทำไม จะต้องทำลายหลวงพ่อวัดปากน้ำถึงขนาดนั้นด้วย ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ หรือจะมีเรื่องของการอิจฉาริษยาอย่างละครโทรทัศน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

จะเห็นได้ว่า ประเด็นนี้ ปัญญาอ่อนหนึ่ง คือ เสฐียรพงษ์ วรรณปก เคยนำมาเป็นประเด็นโจมตีมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ในแวดวงวิชาการ

ปัญญาอ่อนหนึ่งก็เลยต้องเงียบเสียงลงไป  ปัญญาอ่อนสองคงไม่รู้เรื่องเหล่านั้น ก็เดินตามความผิดพลาด เพราะ หนังสือเล่มดังกล่าว ขาดหลักฐานในทางวิชาการโดยสิ้นเชิง

ขอเปิดเผยไว้ ณ ที่นี้ว่า ปัญญาอ่อนคนที่สองก็คือ Ritti Janson

สรุป

สรุปสั้นในช่วงนี้ก่อน เพราะ บทความนี้จะมีการขยายความในรายละเอียดอีกมาก การที่หลวงพ่อวัดปากน้ำจะเลิกสอนวิชาธรรมกายและ/หรือเลิกปฏิบัติธรรมในวิชาธรรมกาย

หลวงพ่อวัดปากน้ำเองจะต้องเป็นผู้ประกาศหรือบอกออกมาเอง ไม่ใช่คนอื่นไป เสือกบอกประชาชน

บางท่านอาจจะเถียงว่า ก็หลวงพ่อวัดปากน้ำมรณภาพไปแล้ว ผมก็พูดได้ ถ้าเถียงกันอย่างนี้ ผมก็จะบอกว่า ในกรณีที่ลูกศิษย์ค้นพบว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอนวิชาธรรมกายไปแล้ว

ลูกศิษย์จะเป็นคนประกาศออกมาเอง ไม่ใช่ให้บุคคลในสายปฏิบัติอื่นมา เสือกบอกว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกสอนวิชาธรรมกายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว จากการสอนนักเรียน/นักศึกษา/ประชาชนมามากกว่า 1,000,000 คน แล้ว

กลุ่มของพวกผมยังยืนยันว่า วิชาธรรมกายเป็นวิชาของพระพุทธเจ้า

.................................

เชิงอรรถ

[1] ขอแก้ข้อมูลนิดหนึ่ง อันที่จริงแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำก็ไม่ได้สอนว่า นิพพานเป็นนิจจัง สุขัง อัตตาตรงๆ แต่เกิดจากการตีความของพวกลูกศิษย์ ซึ่งก็มีผมด้วยคนหนึ่ง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น