บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

กายธรรมสอนให้กายดับ




เรามาดูการโกหกของมหาโชดกกันต่อ  คราวนี้เป็นการโกหกแบบโง่งี่เง่าจนบรรยายเกือบไม่ถูก จากข้อความที่เน้นขีดเส้นใต้สีแดง ในภาพด้านบนนั้น สรุปได้ว่า “กายธรรมสอนหลวงพ่อวัดปากน้ำ ให้ทำกายธรรมให้ดับไป”

ดูความสมองหมา ปัญญาควายของมหาโชดกให้เห็นกันอย่างชัดๆ  กายธรรมที่ไหนที่จะมาสอนอย่างนั้น คือ สอนให้กายของตนเองดับไป  จะโกหกก็ไม่ได้ศึกษาให้ดีเสียก่อน

ผมขออธิบายหลักการการพูดคุยซักถามกายธรรมอีกครั้งหนึ่ง  เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้น

การเห็นกายธรรมนั้น ไม่ใช่เห็นกันง่าย และกายธรรมก็ไม่ใช่ “นิมิต” กายธรรมเป็นของที่มีอยู่จริง

คนที่จะเห็นกายธรรมได้ ต้องผ่าน “จิตตวิสุทธิ” ไปก่อน คือ ระดับของสมาธิของผ่านอัปปนาสมาธิไปแล้ว

การฝึกก็คือ จินตนาการถึงนิมิตก่อน  เมื่อเอานิมิตไปหยุดตรงฐานที่ 7 เหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือ

เมื่อใจหยุดนิ่งถูกส่วน ดวงนิมิตจะหายไป ผู้ปฏิบัติจะเห็นดวงปฐมมรรคขึ้นมาแทน  ขอย้ำอีกครั้งว่า การจะเห็นดวงปฐมมรรคได้นั้น ระดับของสมาธิของผ่านอัปปนาสมาธิไปแล้ว

ต่อมาจากนั้น ก็ต้องผ่านดวงธรรม 6 ดวงของกายแต่ละกายจำนวน 18 กาย ถึงจะไปถึงกายธรรมพระอรหัตละเอียด ขนาดหน้าตักกว้าง 20 วาของใครของมัน

เมื่อเห็นกายธรรมพระอรหัตละเอียดแล้ว จะต้องเอาใจของเรา เข้าไปตามฐาน 1-2-3 และ 7 ของกายธรรมพระอรหัตละเอียด  ก็จะเห็นดวงธรรมของกายธรรมพระอรหัตละเอียด  ต่อจากนั้น ต้องเอาดวงธรรมของเรา ซ้อนกับดวงธรรมของกายธรรมพระอรหัตละเอียด 

ปัญหาที่จะต้องแก้ก็คือ ดวงธรรมของเราเล็กกว่าดวงธรรมของกายธรรมมาก ก็ต้องทำให้ดวงธรรมของกายธรรมเล็กเท่าดวงธรรมของเรา หรือทำดวงธรรมของเราให้ใหญ่เท่ากับของกายธรรม

ซ้อนให้เป็นดวงเดียวกัน จุดศูนย์กลางของดวงธรรมก็เป็นจุดเดียวกัน แล้วจึงทูลถามกายธรรมได้

ดังนั้น  ผมขอฟันธงไปเลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถพูดคุยกับกายธรรมได้  ถ้าจะมาฝึกสายยุบหนอพองหนอก็ไม่ต้องมา “ฝึกในระดับเบื้องต้นอีกแล้ว”  ไปฝึกในระดับสุทธิ 7 กับ วิปัสสนาญาณ 16  กันเลย

แต่ผมขอฟันธงไปอีกครั้งว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ฝึกปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายและสามารถพูดคุยกับกายธรรมได้ จะหันมาเรียนยุบหนอพองหนอ รับรองไม่มีใครทำอย่างนั้น

ในกรณีของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น  คงจะใช้วิธีซักถามพูดคุยกับมหาโชดกมากกว่า ที่จะต้องมาหัดเดินจงกรม  หรือมาภาวนา เห็นหนอ อะไร.........หนอ อย่างที่มหาโชดกโกหกออกมาอย่างนั้น

ต่อมา ข้อความในส่วนที่ขีดเส้นใต้สีเขียว ดังนี้

พอท่านกำหนดเห็นหนอ เห็นหนอ ธรรมกายนั้น ดับวูบลงไปเลย  ท่านอุทานออกมาว่า “เราเป็นขี้ข้าคนมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว” ดังนี้

ข้อความนี้ มหาโชดกก็โกหกอีก  สำหรับข้อความที่ว่า “เราเป็นขี้ข้าคนมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว” เท่าที่ผมอ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำมา หลวงพ่อเคยพูดไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่ง แต่ผมยังค้นไม่พบว่าอยู่ตรงไหน

มหาโชดกคงไปอ่านพบเข้า เลยเอามาผสมผเสปนเปกันไปเพื่อโกหกในครั้งนี้  จะเห็นว่า ข้อความไม่ได้สอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกัน

กล่าวคือ “ธรรมกายนั้น ดับวูบลงไปเลย  ” แล้วอุทานว่า “เราเป็นขี้ข้าคนมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว” มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร และมีความหมายอย่างไร มหาโชดกก็ไม่อธิบายอีก

ตรงนี้ ผมขอยกวิธีสอนการเดินฌานสมาบัติในหนังสือมรรคผลพิสดาร 1 ของหลวงพ่อวัดปากน้ำมาเป็นตัวอย่างดังนี้




และขอให้ดูการตารางเปรียบเทียบวิสุทธิ 7 กับ วิปัสสนาญาณ 16  กันอีกสักครั้งหนึ่ง

ศีลวิสุทธิ
1.  ปาฏิโมกขสังวรศีล
2.  อินทรียสังวรศีล
3.  อาชีวปาริสุทธิศีล
4.  ปัจจัยสันนิสิตศีล
จิตตวิสุทธิ
-  อุปจารสมาธิ
-  อัปปนาสมาธิ ในฌานสมาบัติ
ทิฏฐิวิสุทธิ
1.  นามรูปปริจเฉทญาณ
กังขาวิตรณวิสุทธิ
2.  นามรูปปัจจัยปริคคหญาณ
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ

3.  สัมมสนญาณ
4.  อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ (ตรุณอุทยัพพยญาณ)
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ

4.  อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ (พลวอุทยัพพยญาณ)
5.  ภังคานุปัสสนาญาณ
6.  ภยตูปัฏฐานญาณ
7.  อาทีนวานุปัสสนาญาณ
8.  นิพพิทานุปัสสนาญาณ
9.  มุจจิตุกัมยตาญาณ
10.  ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ
11.  สังขารุเบกขาญาณ
12.  สัจจานุโลมิกญาณ
ญาณทัสสนวิสุทธิ

13.  โคตรภูญาณ
14.  มัคคญาณ
15.  ผลญาณ
16.  ปัจจเวกขณญาณ

จะเห็นว่า การเดินฌานสมาบัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตรงกับ จิตตวิสุทธิ -  อุปจารสมาธิ  อัปปนาสมาธิ ในฌานสมาบัติ  ของคัมภีร์วิสุทธิมรรคแล้ว

การเดินฌานสมาบัติดังกล่าว เป็นหัวข้อ “06-วิธีเข้าฌานสมาบัติ”  ในหนังสือมรรคผลพิสดาร 1 ซึ่งมีทั้งหมด ประมาณ  47 หัวข้อ

พิจารณาเนื้อหากันแค่หนังสือมรรคผลพิสดาร 1 ความรู้ของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็เลยหน้ามหาโชดกอย่างไม่เห็นฝุ่นแล้ว

ถ้าจะเปรียบเทียบอีกแบบหนึ่งคือ ฟ้ากับเหว ก็ยังไม่สะใจ  ต้องเปรียบเทียบแบบนี้ คือ “นิพพานกับนรกโลกันต์” นั่นแหละจึงจะใกล้เคียง

ข้อเขียนของมหาโชดกจึงเป็นการโกหกคำโต เพราะ อยากจะสร้างภาพตัวเองว่า เก่งกล้าสามารถ  เมื่อเห็นว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำขึ้นอยู่กับสายงานบริหารของตนเอง ก็จึงพยายามใช้หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นเครื่องมือ

เมื่อมหาโชดกตายลงปุ๊บ  ความฉิบหายวายป่วงจึงเกิดขึ้น เพราะ ชีวิตหลังความตายนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำมีอิทธิพลสูงมาก 

มหาโชดกจึงตกไปสู่อบายภูมิประเภทที่ว่า “ไม่ต้องคิดว่า จะได้มาเกิดเมื่อไหร่”  การที่จะต้องมาเกิดใหม่ช้านั้น มันดีถ้าอยู่ในสุคติภูมิ  แต่นี่มหาโชดกอยู่ในอบายภูมิ...

สมน้ำหน้าของแกแล้ว โชดกเอ๋ย..............




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น