เรามาดูการโกหกของมหาโชดกกันต่อ
คราวนี้เป็นการโกหกแบบโง่งี่เง่าจนบรรยายเกือบไม่ถูก จากข้อความที่เน้นขีดเส้นใต้สีแดง
ในภาพด้านบนนั้น สรุปได้ว่า “กายธรรมสอนหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ให้ทำกายธรรมให้ดับไป”
ดูความสมองหมา ปัญญาควายของมหาโชดกให้เห็นกันอย่างชัดๆ กายธรรมที่ไหนที่จะมาสอนอย่างนั้น
คือ สอนให้กายของตนเองดับไป
จะโกหกก็ไม่ได้ศึกษาให้ดีเสียก่อน
ผมขออธิบายหลักการการพูดคุยซักถามกายธรรมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้น
การเห็นกายธรรมนั้น ไม่ใช่เห็นกันง่าย และกายธรรมก็ไม่ใช่ “นิมิต”
กายธรรมเป็นของที่มีอยู่จริง
คนที่จะเห็นกายธรรมได้ ต้องผ่าน “จิตตวิสุทธิ” ไปก่อน คือ
ระดับของสมาธิของผ่านอัปปนาสมาธิไปแล้ว
การฝึกก็คือ จินตนาการถึงนิมิตก่อน
เมื่อเอานิมิตไปหยุดตรงฐานที่ 7 เหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือ
เมื่อใจหยุดนิ่งถูกส่วน ดวงนิมิตจะหายไป ผู้ปฏิบัติจะเห็นดวงปฐมมรรคขึ้นมาแทน ขอย้ำอีกครั้งว่า การจะเห็นดวงปฐมมรรคได้นั้น ระดับของสมาธิของผ่านอัปปนาสมาธิไปแล้ว
ต่อมาจากนั้น ก็ต้องผ่านดวงธรรม 6 ดวงของกายแต่ละกายจำนวน 18 กาย
ถึงจะไปถึงกายธรรมพระอรหัตละเอียด ขนาดหน้าตักกว้าง 20 วาของใครของมัน
เมื่อเห็นกายธรรมพระอรหัตละเอียดแล้ว จะต้องเอาใจของเรา เข้าไปตามฐาน 1-2-3
และ 7 ของกายธรรมพระอรหัตละเอียด
ก็จะเห็นดวงธรรมของกายธรรมพระอรหัตละเอียด ต่อจากนั้น ต้องเอาดวงธรรมของเรา
ซ้อนกับดวงธรรมของกายธรรมพระอรหัตละเอียด
ปัญหาที่จะต้องแก้ก็คือ ดวงธรรมของเราเล็กกว่าดวงธรรมของกายธรรมมาก
ก็ต้องทำให้ดวงธรรมของกายธรรมเล็กเท่าดวงธรรมของเรา
หรือทำดวงธรรมของเราให้ใหญ่เท่ากับของกายธรรม
ซ้อนให้เป็นดวงเดียวกัน จุดศูนย์กลางของดวงธรรมก็เป็นจุดเดียวกัน
แล้วจึงทูลถามกายธรรมได้
ดังนั้น ผมขอฟันธงไปเลยว่า
ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถพูดคุยกับกายธรรมได้ ถ้าจะมาฝึกสายยุบหนอพองหนอก็ไม่ต้องมา “ฝึกในระดับเบื้องต้นอีกแล้ว” ไปฝึกในระดับสุทธิ 7 กับ วิปัสสนาญาณ 16 กันเลย
แต่ผมขอฟันธงไปอีกครั้งว่า
ไม่ว่าใครก็ตามที่ฝึกปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายและสามารถพูดคุยกับกายธรรมได้
จะหันมาเรียนยุบหนอพองหนอ รับรองไม่มีใครทำอย่างนั้น
ในกรณีของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น คงจะใช้วิธีซักถามพูดคุยกับมหาโชดกมากกว่า
ที่จะต้องมาหัดเดินจงกรม หรือมาภาวนา
เห็นหนอ อะไร.........หนอ อย่างที่มหาโชดกโกหกออกมาอย่างนั้น
ต่อมา
ข้อความในส่วนที่ขีดเส้นใต้สีเขียว ดังนี้
พอท่านกำหนดเห็นหนอ
เห็นหนอ ธรรมกายนั้น ดับวูบลงไปเลย
ท่านอุทานออกมาว่า “เราเป็นขี้ข้าคนมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว”
ดังนี้
ข้อความนี้
มหาโชดกก็โกหกอีก สำหรับข้อความที่ว่า “เราเป็นขี้ข้าคนมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว”
เท่าที่ผมอ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำมา หลวงพ่อเคยพูดไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
แต่ผมยังค้นไม่พบว่าอยู่ตรงไหน
มหาโชดกคงไปอ่านพบเข้า
เลยเอามาผสมผเสปนเปกันไปเพื่อโกหกในครั้งนี้ จะเห็นว่า ข้อความไม่ได้สอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกัน
กล่าวคือ “ธรรมกายนั้น ดับวูบลงไปเลย
” แล้วอุทานว่า “เราเป็นขี้ข้าคนมาหลายสิบปีแล้ว
ไม่เท่าไรก็จะตายแล้ว” มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร และมีความหมายอย่างไร
มหาโชดกก็ไม่อธิบายอีก
ตรงนี้
ผมขอยกวิธีสอนการเดินฌานสมาบัติในหนังสือมรรคผลพิสดาร 1
ของหลวงพ่อวัดปากน้ำมาเป็นตัวอย่างดังนี้
และขอให้ดูการตารางเปรียบเทียบวิสุทธิ
7 กับ วิปัสสนาญาณ 16 กันอีกสักครั้งหนึ่ง
ศีลวิสุทธิ
|
1. ปาฏิโมกขสังวรศีล
2. อินทรียสังวรศีล
3. อาชีวปาริสุทธิศีล
4. ปัจจัยสันนิสิตศีล
|
จิตตวิสุทธิ
|
- อุปจารสมาธิ
- อัปปนาสมาธิ
ในฌานสมาบัติ
|
ทิฏฐิวิสุทธิ
|
1. นามรูปปริจเฉทญาณ
|
กังขาวิตรณวิสุทธิ
|
2. นามรูปปัจจัยปริคคหญาณ
|
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ
|
3. สัมมสนญาณ
4. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ (ตรุณอุทยัพพยญาณ)
|
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
|
4. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ
(พลวอุทยัพพยญาณ)
5. ภังคานุปัสสนาญาณ
6. ภยตูปัฏฐานญาณ
7. อาทีนวานุปัสสนาญาณ
8. นิพพิทานุปัสสนาญาณ
9. มุจจิตุกัมยตาญาณ
10. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ
11. สังขารุเบกขาญาณ
12. สัจจานุโลมิกญาณ
|
ญาณทัสสนวิสุทธิ
|
13. โคตรภูญาณ
14. มัคคญาณ
15. ผลญาณ
16. ปัจจเวกขณญาณ
|
จะเห็นว่า
การเดินฌานสมาบัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตรงกับ จิตตวิสุทธิ - อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ ในฌานสมาบัติ
ของคัมภีร์วิสุทธิมรรคแล้ว
การเดินฌานสมาบัติดังกล่าว
เป็นหัวข้อ “06-วิธีเข้าฌานสมาบัติ” ในหนังสือมรรคผลพิสดาร 1 ซึ่งมีทั้งหมด ประมาณ 47 หัวข้อ
พิจารณาเนื้อหากันแค่หนังสือมรรคผลพิสดาร
1 ความรู้ของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็เลยหน้ามหาโชดกอย่างไม่เห็นฝุ่นแล้ว
ถ้าจะเปรียบเทียบอีกแบบหนึ่งคือ
ฟ้ากับเหว ก็ยังไม่สะใจ
ต้องเปรียบเทียบแบบนี้ คือ “นิพพานกับนรกโลกันต์” นั่นแหละจึงจะใกล้เคียง
ข้อเขียนของมหาโชดกจึงเป็นการโกหกคำโต
เพราะ อยากจะสร้างภาพตัวเองว่า เก่งกล้าสามารถ เมื่อเห็นว่า
หลวงพ่อวัดปากน้ำขึ้นอยู่กับสายงานบริหารของตนเอง ก็จึงพยายามใช้หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นเครื่องมือ
เมื่อมหาโชดกตายลงปุ๊บ ความฉิบหายวายป่วงจึงเกิดขึ้น เพราะ
ชีวิตหลังความตายนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำมีอิทธิพลสูงมาก
มหาโชดกจึงตกไปสู่อบายภูมิประเภทที่ว่า
“ไม่ต้องคิดว่า จะได้มาเกิดเมื่อไหร่” การที่จะต้องมาเกิดใหม่ช้านั้น
มันดีถ้าอยู่ในสุคติภูมิ
แต่นี่มหาโชดกอยู่ในอบายภูมิ...
สมน้ำหน้าของแกแล้ว
โชดกเอ๋ย..............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น