บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หมาติดเครื่องยนต์

บทความในชุดนี้ ผมจะนำคำโต้แย้งที่เกิดจากบทความเรื่อง “หลวงพ่อสดเลิกสอนวิชาธรรมกาย  เรื่องปัญญาอ่อนทางวิชาการของคนปัญญาอ่อน”  มานำเสนอ เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ และเป็นข้อมูลว่า เคยมีคนคิดกันแบบนี้

คนแรกที่จะนำความคิดเห็นมาเสนอก็คือ คุณหมาติดเครื่องยนต์ [IP: 125.26.116.152] 14 August 2009 12:32 ซึ่งเข้ามาให้ความเห็นดังนี้

ถ้าอัตตาคือความเที่ยง และมีตัวตน อนัตตาคือความไม่เที่ยงและไม่มีตัวตน แต่นิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาและอนัตตา นิพพานเป็นกลางๆ ระหว่าง ๒ อันนี้

ความจริงพระพุทธเจ้าไม่ให้บอกว่า นิพพาน เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ฉะนั้นข้าพเจ้าจึง จะอธิบายว่า นิพพานนั้นว่างจาก สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ คือความมีตัวตน ก็ทุกข์ ความไม่เที่ยงก็ทุกข์

นิพพานนั้นหมายถึง เมื่อดวงจิตที่ทำงานตามหน้าที่ของมันนั้นดับสนิท นั้นจึงเรียกว่า นิพพาน

สรุปคือว่างเปล่า ไม่อยากเขียนยาว ถ้าจะเปรียบดวงจิตเสมือนกระดาษ ตัวกิเลสเสมือนหมึก ผลกรรมเสมือนปากกา จะถามว่า ผู้ที่ทิ้งปากกา ไม่สร้างบาปเพิ่มดีไหม

ผู้ที่ลบหมึกในกระดาษ บาปที่มีอยู่ในจิตใจลบออกดีกว่าไหม

ผู้ที่ทำลาย กระดาษ เมื่อไม่มีปากกา ไม่มีหมึก จะเก็บไว้ทำไม ทิ้งดีกว่าไหม

ถ้ามีกระดาษอยู่ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ปากกาและหมึก จะไม่แต่งเติมมีอีก

ถ้ากระดาษยังอยู่ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า กระดาษนั้นจะอยู่ในสภาพเดิม

ดังที่พระพุทธเจ้าว่า ถ้าตราบใดที่ เรือยังไม่ถึงฝั่ง คือนิพพาน ตราบนั้นยังไว้วางใจไม่ได้ เคยได้ยินไหมละคำนี้

อยากนิพพานยังห่วงดวงจิตอยู่อีกเหรอนี่ สะมะพล จิตนี้แหละที่ผู้ต้องการนิพพานเขาต้องการทำลาย

แต่ธรรมเกินทั้งหลายกับไปคิดว่าดวงจิตมีอยู่ก็นิพพานได้ จะนิพพานได้อย่างไรละ

สะมะพล เมื่อคนยังห่วงจิตอยู่ เมื่อจิตยังเป็นที่รักอยู่ เมื่อจิตยังเป็นที่อาศัยอยู่ เมื่อปรารถนาจิตยังอยู่ แล้วนิพพานจะมีความหมายอะไร ในเมื่อทิ้งปากกา ไม่มีหมึกในกระดาษ ยังอยากจะเก็บ กระดาษนั้นไว้อยู่ ยังเสียดาษกระดาษนั้นอยู่หรือ

เหมือนดังจิตเช่นกัน เมื่อไกลจากกิเลสแล้ว ไม่ผูกพัน ไม่ทะยานอยากแล้ว เหมือนดังหลอดไฟที่เสีย เก็บไว้ดูต่างหน้าทำไหม

บอกว่า นิพพานที่ว่าเหลือไว้แต่จิตนั้นเป็นการหลง ศึกษาให้ดีๆ จะรู้ว่านิพพานนั้นมันไม่ได้ เกี่ยวกับสิ่งสุดโต่งทั้ง ๒ ทางนั้นเลย

นั้นก็คือ อัตตา และอนัตตา เพราะนิพพานก็คือนิพพาน เหมือนดังคนยากจนคนหนึ่งทิ้งความขี้เกียจขยันทำมาหากิน ทิ้งความฟุ่มเฟือยรู้จักเก็บออม แบ่งทำบุญบ้างในบ้างส่วน

เขาผู้นั้นย่อมได้ซื่อว่าเศรษฐี ผู้ที่มีปัญญา ย่อมจะทิ้งทั้ง อัตตา เจริญซึ่งการปลง และ ทิ้งอนัตตา เจริญซึ่งปัญญา จึงจะได้มาซึ่งคำว่านิพพาน

คำว่าเศรษฐีได้มาด้วย ความขยันและอดออม นิพพานก็ได้มาซึ่งการปลงและปัญญา ฉันนั้น

ในเว็บของ research.in.th ผมไม่ได้ตอบคำถามของคุณหมาติดเครื่องยนต์ เพราะ เห็นว่า แกมาเพ้อเจ้อรำพึงรำพันที่ไม่ได้เกี่ยวกับบทความที่ผมเขียนเข้าไป

คุณหมาติดเครื่องยนต์เหมือนเป็นคนโรคจิตอ่อนๆ อยากจะแสดงตัวตนให้สังคมออนไลน์รู้จัก แต่ความรู้มันไม่มี ฟังเขาสอนมาอย่างไรก็เชื่อตามไปอย่างนั้น สันนิษฐานได้ว่า เป็นสาวกของพระพม่า
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ 2 ย่อหน้าแรกก็พอแล้ว

ถ้าอัตตาคือความเที่ยงและมีตัวตน อนัตตาคือความไม่เที่ยงและไม่มีตัวตน แต่นิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาและอนัตตา นิพพานเป็นกลางๆ ระหว่าง ๒ อันนี้

คุณหมาติดเครื่องยนต์คนนี้ แกไม่เข้าใจเรื่องประเภทของคำเลย คำว่า “อัตตา” กับ “อนัตตา” นั้นเป็นคำคุณศัพท์ (adjective) หน้าที่ของคำประเภทนี้ ใช้ขยายนามโดยวางไว้ติดกับคำนาม  อีกประเภทหนึ่งคือ บรรยายสภาพของประธาน

ดังนั้น จะไปกล่าวว่า “นิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาและอนัตตา” ไม่ได้ รูปประโยคแบบนี้ กรรมต้องเป็นประธาน คำคุณศัพท์ (adjective) ไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้ 

ที่ว่าไปนั้นคือ โครงสร้างของประโยค

สำหรับเรื่องความหมายนั้น คำที่มีความหมายเกี่ยวพันกับนิพพานมี 3 คำ คือ
1) อายตนะนิพพาน หมายถึง สถานที่
2) พระนิพพาน หมายถึง พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ที่ไปอุบัติอยู่ในอายตนะนิพพาน
3) นิพพาน เป็นคำที่ใช้เรียกรวม อายตนะนิพพานกับพระนิพพาน เพื่อเป็นความประหยัดในทางภาษา

นิพพานของคุณหมาติดเครื่องยนต์จะไปอยู่กลางระหว่างอัตตากับอนัตตาอย่างไร

มั่ว สมองหมา ปัญญาควายจริงๆ

ความจริงพระพุทธเจ้าไม่ให้บอกว่านิพพานเที่ยงหรือไม่เที่ยง ฉะนั้นข้าพเจ้าจึง จะอธิบายว่า นิพพานนั้นว่างจาก สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ คือความมีตัวตน ก็ทุกข์ ความไม่เที่ยงก็ทุกข์

อันนี้ไม่จริง พระพุทธองค์ตรัสไว้แน่นอนว่านิพพานเป็นนิจจัง สุขัง อัตตา แต่ไม่ได้บอกอย่างที่เขียนตัวหนังสือไปอย่างนั้น

พระองค์ตรัสเป็นภาษามคธ ซึ่งต้องแปลกันออกมา และได้ความหมายอย่างนั้น  คุณหมาติดเครื่องยนต์  ไม่ได้รู้อะไรเลย แต่อยากจะเขียนเท่านั้น...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น