บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

Researchers.in.th-05


คุณเวทนา [IP: 223.205.120.158] 20 January 2011 18:41 น่าจะเป็นกลุ่มก๊วนเดียวกันกับคุณศรัทธาในพระพุทธ เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้


ก็ยังเขลาอยู่เช่นนั้น ปริญญาก็คงไม่ช่วยขัดเกลาจิตท่านใด้ นี่หรือวิทยากรณ์ผู้สอนปฎิบัติในศาสนาพุทธเป็นศิษย์ของพระคุณเจ้า

น่าเวทนายิ่งนัก ก็จงยึดมั้นถือมั่นในทิฐิมานะต่อไปเถอะ

จะมาสนใจทำไมกับการที่หลวงพ่อท่านเลิกสอนหรือไม่เลิกสอน ท้ายสุดไม่ใช่สถานที่เดียวกันหรือที่เหล่าชาวพุทธใฝ่ปฏิบัติมุ่งจะไป(หรือวาระนี้มีผลกระทบกับความน่าเชื่อถือในตัว ดร.)

หรือบทสรุปปลายทางสุดท้ายของวิชชาธรรมกายมีที่หมายต่างออกไป

จะมาเถียงกันให้เกิดประโยชน์ประการใดหนอ (หรือเพียงเพื่อแสดงให้เห็นแค่ว่าทฤษฎีของท่านนั้นแน่นอนเที่ยงแท้)

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านอ้างตัวเป็นศิษพระคุณเจ้าหลวงพ่อสด (แต่ก่ยังดีที่ยังมีศัทธาในหลวงพ่อสดท่าน)

ข้าพเจ้าไม่ขอเสวณาธรรมกับผู้จบการศึกษาขั้นสูงดีกว่า ไม่มีประโยชน์ ไม่น่าเลื่อมใสนับถือในตัวท่านเลยเมื่อได้อ่านบทความของท่านในบล๊อค นี้

คุณศรัทธาในพระพุทธยังแค้นไม่หาย เข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ [IP: 223.205.120.158] 20 January 2011 20:53

ใครโจมตีใครจะสนใจทำไม มีเจตนาดีอยากจะเผยแพร่พระศาสนาก็ทำไป ไม่เห็นต้องมาเป็นทุกเรื่องใครจะมาโจมตี ผมมีของดีมาฝากผู้อ่านทั้งหลายจะรับหรือไม่ก็สุดแล้วแต่

กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา

จิญจายะ ทุฎฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ

สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท

ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ

พระจอมมุนี ได้เอาชนะคำกล่าวใส่ร้ายของ นางจิญจมาณวิกา ซึ่งทำอาการเหมือนดั่งตั้งครรภ์ เพราะเอาท่อนไม้กลมผูกไว้ที่หน้าท้อง ด้วยวิธีทรงสมาธิอันงาม คือ ความกระทำพระทัยให้ตั้งมั่นนิ่งเฉย ในท่ามกลางหมู่ชน,

ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ

ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง

พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทะพะกาภิธานัง

ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท

ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

พระจอมมุนี ได้เอาชนะพระพรหมผู้มีนามว่า ท้าวผกาพรหม ผู้มีฤทธิ์ คิดว่าตนเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ ผู้ถูกพญานาครัดมือไว้แน่น เพราะมีจิตคิดถือเอาความเห็นผิด ด้วยวิธีวางยา คือ ทรงแสดงเทศนาให้ถูกใจ,

ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ

บทที่ 5 และ 8 ในพุทธชัยมงคลคาถาพาหุง(ชนะมาร) สาธุ

ผมตอบไป ดังนี้ (20 January 2011 23:10)

เรียน คุณเวทนา [IP: 223.205.120.158]

คุณเวทนา ผมบอกคุณตามตรงว่า การที่คุณจะมาเขียนให้ความเห็นแบบสวยหรู อ่านดูแล้วเข้าหลักปรัชญา แต่หาเนื้อสาระในทางศาสนาไม่ได้นั้น อย่ามาเขียนที่นี่

ผมขอบอกว่า ผมรู้จริง และเข้าใจจริง ทั้งในทางศาสนา ซึ่งรวมถึงทั้งปริยัติ และปฏิบัติ ในทางวิชาการผมก็เรียนจนสูงสุด

คุณเวทนาจะมาท่าไหนผมก็รู้ทัน

อย่างคุณนั้น รู้ไม่เท่าไหร่หรอก แต่อยากเขียนเพื่ออวดกิเลสในตัวของคุณเอง พอผมตอบไปไม่ถูกใจ กิเลสโผล่พรวดออกมา ก็ยังไม่เข้าใจว่า เป็นกิเลสของคุณเอง

เอาเนื้อหาสาระทางศาสนาดีกว่า เพ้อเจ้อไร้สาระ

ผมจะเขียนกวนอารมณ์ กวนอวัยวะเบื้องต่ำอย่างไรก็ตาม ผมยังมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ให้กับคนอ่าน คุณเวทนามีอะไรที่เป็นหลักเป็นฐานเป็นประโยชน์ให้คนอ่านบ้างล่ะ

ผมน่ะภาวนาอย่างเต็มที่ว่า คุณอย่ามาเสวนาในบันทึกเลย ผมแกล้งเสียดสีก็แล้ว บริภาษทางอ้อมก็แล้ว คุณก็ยังมาเขียนอยู่อีก

ถามจริงๆ เถอะ ใจ/จิต/วิญญาณยังปรกติดีหรือปล่าว หรือคิดเคียดแค้นตลอดเวลา

โรคจิตจะถามหานะคุณ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกันเลย

ต่อไป คุณมนุษย์คนนึง [IP: 223.204.6.170] 06 Febuary 2011 14:10 เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

ทุกท่านอ่านและปฏิบัติธรรมกันมามาก แต่หาได้เข้าใจธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านทรงประทานให้มนุษย์โลกอย่างแท้จริง

ทุกคนยังมีความยึดติด และไม่ยอมรับความจริงของชีวิต ไม่เข้าใจแก่นธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง.

การปฏิบัติธรรมไม่ว่าสายไหนก็ตาม ที่สุดคือ การพ้นทุกข์ ... การมีสติรู้ตัวการกระทำ การคิดของตนเองทำให้เราละกิเลสได้ขณะที่เรามีสติรับรู้

ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้ทางทฤษฏีอะไรมากมายทางพุทธศาสนา รู้แค่ว่า ไม่ยึดติด ปล่อยวาง ก็ช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้

แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ จิตใจไม่เคยอยู่นิ่ง เดี่ยวสุข ดีใจ เดี่ยวก็ทุกข์ เครียด โกรธ เกลียด อยากได้ อยากทำทาน อยากได้บุญ อยากทั้งในทางกุศลและอกุศล ซึ่งล้วนแต่เป็นกิเลส ทั้งสิ้น ....

สุดท้ายเมื่อตายไป ก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย แต่จิตขณะนั้นซิ จะเป็นตัวพาเราไปในที่ที่เรากำลังเป็น เราโกรธ ก็ไปอบายภูมิ เรามีจิตกุศลก็ไปสุขภูมิ....

สิ่งที่สำคัญคือ วิชาอะไรก็ตาม ที่พระอาจารย์ต่างๆท่านทรงเมตตาสอนให้พวกเรา มุ่งเน้นให้พวกเราพ้นทุกข์ ละกิเลส ทั้งสิ้น

ผมตอบไป ดังนี้ (09 March 2011 17:02)

เรียน คุณมนุษย์คนนึง [IP: 223.204.6.170]

ไปศึกษาให้มากกว่านี้ การแสดงความเห็นในที่สาธารณะแบบนี้ ถ้าไม่รู้ "จริง" ศึกษาให้มากก่อน แล้วค่อยแสดงความเห็น

อย่าไปคิดว่า พยายามเขียนภาษาให้ดี ดูเจตนาสวยหรู แล้วคนอ่านเขาจะเชื่อตามไป

ในทางศาสนาพุทธเถรวาท มีคำว่า "เอกายนมรรค" ซึ่งก็แปลกันไปหลากหลายว่า "ทางสายเอก สายทางเดียว" และตีความกันไปหลากหลายยิ่งกว่าว่า "ทางสายเดียวจริงๆ" หรือ "ทางสำหรับเดินไปคนเดียวคือทีละคน"

ถ้าแปลกันอย่างซื่อสัตย์ต่อตนเองและต่อวิชาการแล้ว "เอกายนมรรค" ต้องแปลว่า ทางสายเดียว และตีความได้ว่า มีทางที่จะไปนิพพานตามพุทธองค์นั้น เพียงสายเดียวเท่านั้น

เมื่อมีเกจิอาจารย์ หรือเจ้าสำนักหลายแห่ง  มันก็ต้องมีถูกเพียงแห่งเดียว แห่งอื่นๆ มันก็ต้องผิด  แต่จะผิดมากผิดน้อย ผิดแบบไปโลกันต์นรกเลย หรือไปแค่อบายภูมิตื้นๆ

จะมาตีความว่า "ถูกทั้งหมด" ผมว่า "ไปคิดใหม่ ศึกษาใหม่ดีกว่า"

คนต่อไป คือ คุณหยุดเห็นแก่ตัว แล้วจะมีสุขมาเอง [IP: 101.108.205.61] 17 April 2011 11:13 เข้ามาให้ความเห็นสนับสนุนผม ดังนี้

เห็นใจทุกท่านนะ ดร. มนัส โกมลฑา ท่านปกป้องธรรมของพระอาจารย์ของท่าน ก็ถูกต้องตามที่ศิษย์ที่เดินคามธรรมของครูบาอาจารย์พึงกระทำ ไม่เห็นต้องไปกระแนะกระแหนเลย

อ่านไปคิดไป มานะทิฏฐินั้น เป็นกิเลสที่แก้ไม่ง่ายนะ อ่านให้ได้ความรู้ จะดีกว่ามาก

การปฏิบัติจิต มีมากมาย ถูกหรือผิด ก็เอาตรงที่ เป็นประโยชน์/ไม่เป็นประโยชน์ กอรปด้วยเมตตาธรรมสม่ำเสมอ

ดีกว่านะ เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งปวง ขออนุโมทนา ดร. มนัส โกมลฑา เจ้าของ Blog นี้ ที่มีกตัญญูต่อธรรมของพระอาจารย์ของตนด้วย

ส่วนท่านอื่นๆ ที่ดูคล้ายสามารถ ขอร้องให้ไปเปิดBlog ของตนเอง เผยแพร่ความเห็นที่ควร/ไม่ควร อันตนเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใคร จะดีกว่าไหม?

ต่อไป คุณยุพิน [IP: 118.175.107.189] 12 May 2011 12:03 เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ท่านจะเอาวิทยาศาสตร์ มาอธิบายธรรมะคงยากนะคะ

ถึงแม้จะมีคนบอกว่าศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์ การปกป้องอาจารย์ที่ตนเคารพเป็นสิ่งที่ควรยกย่องอย่างยิ่ง แต่การปรามาสพระผู้อื่น ที่ท่านเองก็ไม่ได้เกิดทันเหตุการณ์นั้น ซึ่งอาจจะเป็นจริงเหมือนท่านเขียน

พระองค์นั้นท่านคงรับกรรมของท่านไป แต่ถ้าหากไม่จริงเหมือนท่านเขียนล่ะอะไรจะเกิดกับท่าน ในชาตินี้หรือชาติหน้า ธรรมะที่ท่านบอกว่ารู้แล้ว ดีแล้วคงช่วยท่านไม่ได้นะคะ แค่อยากเตือนสติท่านนะค่ะ

ผมได้ตอบไป ดังนี้ (12 May 2011 13:03)

เรียน หยุดเห็นแก่ตัว แล้วจะมีสุขมาเอง และคุณ ยุพิน

ต้องขอโทษด้วย ข้อเขียนส่วนใหญ่ของผมอยู่ที่ gotoknow ผมก็เลยไป "มั่ว" อยู่ทางโน้นมากกว่าทางนี้

สำหรับ คุณหยุดเห็นแก่ตัว แล้วจะมีสุขมาเอง ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง และเห็นด้วยมากๆ กับข้อเขียนที่ว่า

"ส่วนท่านอื่นๆ ที่ดูคล้ายสามารถ ขอร้องให้ไปเปิดBlog ของตนเอง" อันนี้ ถูกใจจริงๆ

สำหรับคุณยุพิน

ขอบคุณสำหรับคำเตือน สำหรับพระโชดกนั้น ผมยังยืนยันว่า ไม่ได้ไปเป็น "สุข" อย่างที่คนอื่นคิด คือพวกเราสามารถไปเยี่ยมเยียนผู้ที่ตายไปแล้วได้ โดยใช้วิชาธรรมกาย

ไปถามท่านได้ สำหรับพระโชดกท่านตอบพวกเราว่า "สุขก็ไม่สุข ทุกข์ก็ไม่ทุกข์"

ท่านตอบแบบนี้จริงๆ ........

วิชาธรรมกายนั้น สามารถทำได้มากกว่านี้อีกมากมายมหาศาล ถ้ามีเวลาเหลือบ้าง ก็ลองศึกษาดูครับ

ต่อไป คุณเรายังเป็น "ไท" Jirasak Khunudom 21 May 2011 22:41 แต่บอกชื่อเป็นฝรั่งด้วย เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

อาจารย์ดร.มนัส กรุณาชี้แจงประเด็น การสอนหรือเลิกสอนวิชาธรรมกาย ของพระเดชพระคุณหลวงปู่สด พร้อมด้วยเหตุผลประกอบ เพื่อน้ำหนัก และความน่าเชื่อถือสนับสนุน

และความจริงที่ปรากฏว่าการปฏิบัติวิชาธรรมกาย มีผู้ปฏิบัติมากกว่าการปฏิบัติสายอื่น อาจารย์มีเหตุมีผล ชัดเจน มากกว่าจริง ๆ ครับ

แต่ผมคิดว่า จำนวนที่มากกว่านั้น ไม่ได้ชี้ว่านสายอื่นอ่อนด้อย...หรือไม่ถูกทิศถูกทาง...จำนวนที่มากกว่าไม่ได้วัดได้ว่าคุณธรรม

มรรคผล จากการปฏิบัติ จะสัมฤทธิ์ดีกว่าแนวทางอื่น เช่น สายพระป่า ที่ภาวนาพุทโธ ...ที่เจริญรุ่งเรืองมากในภาคอิสาน และภาคเหนือ..อันประกอบด้วยพ่อแม่ครูอาจารีย์อย่างหลวงตามหาบัวนำพาอยู่ในขณะนี้..

ผมไม่ได้ค้านสิ่งที่ท่านนำเสนอ แต่ผมเพียงแต่รู้สึกว่า จำนวนมากหรือน้อย ไม่น่าจะบอกได้ว่า วิชาธรรมดาเหนือ หรือดีกว่า...

สายพระป่าของพระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น และศิษยานุศิษย์ของท่านที่สืบทอดมายาวนาน ในอิสานบ้านผม...เพียงแต่ แนวทางนี้ยาก และต้องเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น ผมซึ่งศรัทธาและยึดมั่นแนวทางพระป่า...ขอปกป้องพ่อแม่ครูอาจารย์ของผมเช่นกันครับ

ผมตอบไป ดังนี้ (22 May 2011 20:56)

เรียน คุณ เรายังเป็น "ไท" Jirasak Khunudom  ที่ผมเสนอไปนั้น ผมเห็นว่าน่าจะชัดเจนแล้ว

ถ้าคุณสงสัย ลองไปอ่านบทความของผมที่นี่

http://www.gotoknow.org/dashboard/blogs?username=komoltha4299

แล้วค่อยมาถกเถียงกันอีกที

สำหรับประเด็นที่ว่า วิชาธรรมกายเผยแพร่ไปมากนั้น ผมต้องการนำมาเป็นหลักฐานว่า "หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้เลิกสอนวิชาธรรมกาย"

ถ้าหลวงพ่อเลิกสอนวิชาธรรมกายจริง แล้ววิชาธรรมกายจะเผยแพร่ไปได้มากอย่างไร

สำหรับเรื่องถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎกหรือไม่ ลองไปอ่านดูที่ผมเสนอไว้

ต่อไป คุณสักวันคงเข้าใจ [IP: 110.49.242.204] 13 August 2011 18:59 เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

ถ้าเขาเข้าใจคงไม่อวดอุตริแล้วคงไม่มีโทสะไม่มีใครสอนให้พิจารณาคนอื่นแต่ให้พิจารณาตนเองแล้วถ้าเห็นแจ้งกันหมดคงไม่มาเถียงกันเพราะเขาคงเข้าถึงนิพพานกันแล้ว

ต่อไปคุณอิน [IP: 124.121.58.115] 15 August 2011 21:33 เข้าแสดงความโง่อย่างสั้นๆ ดังนี้

ด็อด or dog

แค่บอกผิดจากพระไตรปิฎกไปนิดเดียวไม่เป็นไร หรอก ว่าไงเถอะ

คนสุดท้ายนี่สุดยอด คือ คุณ chao yodmon 17 August 2011 12:45 นอกจากจะมาให้ความเห็นแล้ว ยังโฆษณาอีกด้วย

เรื่องการปฏิบัติ เรื่องจิตนี่มันค่อนข้างซับซ้อนนะครับ มันมีหลายสายหลายแขนงหลายวิชชาแต่เป้าหมายล้วนเป็นเป้าหมายเดียวคือพระนิพพาน แต่จะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบได้เพราะเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน

เงินกู้นอกระบบ
ต้องการเงินด่วน..



1 ความคิดเห็น: