บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

เห็นรูปนาม 50 %



เรามาดูการโกหกแบบโคตรมหางี่เง่าแบบอมตะนรันดร์กาลของมหาโชดกกันต่อ 

จากภาพด้านบนนั้น ดูข้อความที่ผมเน้นสีฟ้าก่อน  คำว่า “อปสฺสํ” แปลว่า “ไม่เห็น” คำว่า “ปสฺสโต” แปลว่า “เห็น

มาดูคำแปลภาษาไทยกันอีกทีหนึ่งให้ชัดๆ

ผู้ใดเห็นความเกิดดับของรูปนามอย่างนี้ มีชีวิตอยู่ได้เพียงวันเดียวแล้วตายเสีย ดีกว่าบุคคลผู้ไม่เห็นความเกิดดับของรูปนาม แต่มีอายุอยู่ได้นานถึง ๑๐๐ ปี ดังนี้ฯ

ขอยืนยันว่า ข้อความนี้มหาโชดกเขียนขึ้นมาเอง  แล้วมหาโชดก เห็น อะไรบ้างในการปฏิบัติธรรม  ไม่ว่าเห็นอะไร มหาโชดก เห็นหนอ หมด เพื่อให้ไม่เห็นหมด  ขนาด ดร. สนอง วรอุไรเห็นนางฟ้า มหาโชดกก็บอกว่า “ไม่ถูก” 

ชีวิตทั้งชีวิตของมหาโชดกจึงเป็นชีวิตที่สูญเปล่าในทางบุญ   เกิดมาทำลายตัวเองแท้ๆ

แล้วภาษาบาลีที่มหาโชดกแปลออกมานั้น ก็แปลว่า “เห็น” ชัดๆ  มหาโชดกเสือกไม่ยอมเห็นไปตามพระพม่า  มันแสดงถึงความโง่งี่เง่าของมหาโชดกขนาดไหน ก็ลองคิดดูเอง

ต่อมาข้อความที่ผมเน้นสีเหลือง ที่ว่า

ตรงที่ดับวูบลงไปนี้ เข้าเขตวิปัสสนาญาณ เป็นอุททัพพยฐาณ คือ ญาณที่ ๔ เห็นรูปนามเกิดชัดชัด ๕๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว

ผมถามท่านผู้อ่านหน่อยเถอะว่า มันมีหรือ เห็นรูปนาม 50มันเป็นการโกหกที่งี่เง่าสุดๆ  ขอให้ดูความหมายของญาณ 16 ในตารางด้านล่าง  ผมเอามาจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ขอย้ำก่อนว่า ญาณ  16 ไม่มีในพระไตรปิฎกนะครับ  เป็นการสรุปมาจาก คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค และวิสุทธิมรรค

1. นามรูปปริจเฉทญาณ
ญาณกำหนดจำแนกรู้นามและรูป คือ รู้ว่าสิ่งทั้งหลายมีแต่รูปธรรมและนามธรรม และกำหนดแยกได้ว่า อะไรเป็นรูปธรรม อะไรเป็นนามธรรม
2. ปัจจยปริคคหญาณ
ญาณกำหนดรู้ปัจจัยของนามและรูป คือรู้ว่า รูปธรรมและนามธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุปัจจัยและเป็นปัจจัยแก่กัน อาศัยกัน โดยรู้ตามแนวปฏิจจสมุปบาท ก็ดี ตามแนวกฏแห่งกรรม ก็ดี ตามแนววัฏฏะ 3 ก็ดี เป็นต้น
3. สัมมสนญาณ
ญาณกำหนดรู้ด้วยพิจารณาเห็นนามและรูปโดยไตรลักษณ์ คือ ยกรูปธรรมและนามธรรมทั้งหลายขึ้นพิจารณาโดยเห็นตามลักษณะที่เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มิใช่ตัว
4. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ
ญาณอันตามเห็นความเกิดและความดับ คือ พิจารณาความเกิดขึ้นและความดับไปแห่งเบญจขันธ์ จนเห็นชัดว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น ครั้นแล้วก็ต้องดับไป ล้วนเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งหมด
5. ภังคานุปัสสนาญาณ
ญาณอันตามเห็นความสลาย คือ เมื่อเห็นความเกิดดับเช่นนั้นแล้ว คำนึงเด่นชัดในส่วนความดับอันเป็นจุดจบสิ้น ก็เห็นว่าสังขารทั้งปวงล้วนจะต้องสลายไปทั้งหมด
6. ภยตูปัฏฐานญาณ
ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว คือ เมื่อพิจารณาเห็นความแตกสลายอันมีทั่วไปแก่ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้นแล้ว สังขารทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นไปในภพใดคติใด ก็ปรากฏเป็นของน่ากลัว เพราะล้วนแต่จะต้องสลายไป ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น
7. อาทีนวานุปัสสนาญาณ
ญาณอันคำนึงเห็นโทษ คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารทั้งปวงซึ่งล้วนต้องแตกสลายไป เป็นของน่ากลัวไม่ปลอดภัยทั้งสิ้นแล้ว ย่อมคำนึงเห็นสังขารทั้งปวงนั้นว่าเป็นโทษ เป็นสิ่งที่มีความบกพร่อง จะต้องระคนอยู่ด้วยทุกข์
8. นิพพิทานุปัสสนาญาณ
ญาณอันคำนึงเห็นด้วยความหน่าย คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นโทษเช่นนั้นแล้ว ย่อมเกิดความหน่าย ไม่เพลิดเพลินติดใจ
9. มุญจิตุกัมยตาญาณ
ญาณอันคำนึงด้วยใคร่จะพ้นไปเสีย คือ เมื่อหน่ายสังขารทั้งหลายแล้ว ย่อมปรารถนาที่จะพ้นไปเสียจากสังขารเหล่านั้น
10. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ
ญาณอันคำนึงพิจารณาหาทาง คือ เมื่อต้องการจะพ้นไปเสีย จึงกลับหันไปยกเอาสังขารทั้งหลายขึ้นมาพิจารณากำหนดด้วยไตรลักษณ์ เพื่อมองหาอุบายที่จะปลดเปลื้องออกไป
11. สังขารุเปกขาญาณ
ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ เมื่อพิจารณาสังขารต่อไป ย่อมเกิดความรู้เห็นสภาวะของสังขารตามความเป็นจริง ว่า มีความเป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา จึงวางใจเป็นกลางได้ ไม่ยินดียินร้ายในสังขารทั้งหลาย แต่นั้นมองเห็นนิพพานเป็นสันติบท ญาณจึงแล่นมุ่งไปยังนิพพาน เลิกละความเกี่ยวเกาะกับสังขารเสียได้
12. สัจจานุโลมิกญาณ หรือ อนุโลมญาณ
ญาณอันเป็นไปโดยอนุโลมแก่การหยั่งรู้อริยสัจ คือ เมื่อวางใจเป็นกลางต่อสังขารทั้งหลาย ไม่พะวง และญาณแล่นมุ่งตรงไปสู่นิพพานแล้ว ญาณอันคล้อยต่อการตรัสรู้อริยสัจ ย่อมเกิดขึ้นในลำดับถัดไป เป็นขั้นสุดท้ายของวิปัสสนาญาณ ต่อจากนั้นก็จะเกิดโคตรภูญาณมาคั่นกลาง แล้วเกิดมรรคญาณให้สำเร็จความเป็นอริยบุคคลต่อไป
13. โคตรภูญาณ
ญาณครอบโคตร คือ ความหยั่งรู้ที่เป็นหัวต่อแห่งการข้ามพ้นจากภาวะปุถุชนเข้าสู่ภาวะอริยบุคคล
14. มัคคญาณ
ญาณในอริยมรรค คือ ความหยั่งรู้ที่ให้สำเร็จภาวะอริยบุคคลแต่ละขั้น
15. ผลญาณ
ญาณในอริยผล คือ ความหยั่งรู้ที่เป็นผลสำเร็จของพระอริยบุคคลชั้นนั้นๆ
16. ปัจจเวกขณญาณ
ญาณหยั่งรู้ด้วยการพิจารณาทบทวน คือ สำรวจรู้มรรค ผล กิเลสที่ละแล้ว กิเลสที่เหลืออยู่ และนิพพาน เว้นแต่ว่าพระอรหันต์ไม่มีการพิจารณากิเลสที่ยังเหลืออยู่

จะเห็นว่า ไม่มีครับ การผ่านอุทยัพพยานุปัสสนาญาณแบบ 50

ที่นี้เรามาดูการเห็นเกิดดับของรูปนามของหลวงพ่อวัดปากน้ำกันบ้าง  เอามาจากหนังสือมรรคผลพิสดาร 1




จะเห็นว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนครบหมด ที่ผมยกมานั้นมีการเห็น “ขันธ์ ๕”, “การเกิดและการดับของกาย”, “การพิจารณาพระไตรลักษณ์”

เท่าที่ยกไปนั้น จะเห็นว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำผ่าน “อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ” แบบ 100 % เต็มไปแล้ว 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น