บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

Ritti หนีหาย


มีคุณ kongsilp2000 กับ เอก (aunemaek2) เข้ามาให้ความเห็นคั่นรายการ 2-3 ความคิดเห็น แล้ว อันธพาล Ritti Janson [17 ก.พ. 51 13:32:52]  ก็มาบรรเลงต่อ ในความคิดเห็นที่ 108

สมถะ ไม่ใช่ทางเอก นอกศาสนาก็มี สมถะ !!!!!! ทางเอก มีเพียงอย่างเดียว คือ สติปัฏฐาน
จะถึงที่สุดแห่งทุกข์หรือไม่ มันก็อยู่ตรงนี้ ไม่ใช่สมถะ ฉนั้น อย่ามาทำให้สับสน 

ปัญหาของวิชชาธรรมกาย ผมก็นำหลักฐานบางส่วนมาให้ดูแล้ว พิจารณาตามความเป็นจริง ให้สมกับที่อ้างตนว่า เป็นชาวพุทธเถรวาท นะครับ

ถ้าจะบอกว่า ที่สุดแห่งทุกข์เป็นอัตตา ก็จบ พูดอย่างนี้เป็นการกล่าวตู่พระศาสดา อย่างชัดเจน !!!!!!

อย่าเนรคุณ พระศาสดา นะครับ !!!!!

ฤทธี

หลังจากนั้นมา คุณสมถะได้เอาหลักฐานจำนวนมาก เข้ามาให้ความเห็น ประมาณ 4 ความคิดเห็นติดต่อกัน  แล้วคอยดูอาการของ  อันธพาล Ritti Janson ว่าเป็นอย่างไร คุณสมถะเข้ามาให้ข้อมูล ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 114 จากคุณสมถะ - [17 ก.พ. 51 21:02:58 ]

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า อายตนะ(นิพพาน)นั้น มีอยู่  เป็นที่ที่พระอเสขมุนีคือ พระอรหันต์ทั้งหลายไปแล้วไม่เศร้าโศก แต่เห็นได้ยาก ตรัสรู้ตามได้ยาก ฯลฯ

ก) ตรัสว่า อายตนะ(นิพพาน)นั้น  มีอยู่  ดังนี้

อตฺถิ ภิกฺขเว ตทายตนํ. ยตฺถ เนว ปฐวี น อาโป น เตโช น วาโย น อากาสานญฺจายตนํ น วิญฺญาณญฺจายตนํ น อากิญฺจญฺญายตนํ น เนวสญฺญา นาสญฺญายตนํ  นายํ โลโก น ปรโลโก น อุโภ จนฺทิมสุริยา. ตมหํ ภิกฺขเว  เนว อาคตึ วทามิ น คตึ น ฐิตึ น จุตึ น อุปฺปตฺตึ. อปฺปติฏฐํ อปฺปวตฺตํ  อนารมฺมณเมว ตํ เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ.

แปลความว่า 
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อายตนะนั้นมีอยู่.  ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสามัญจายตนะ  วิญญาณัญจายตนะ  อากิญจัญญายตนะ  เนวสัญญานาสัญญาตนะโลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง  ย่อมไม่มี  ในอายตนะนั้น.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นหาที่ตั้ง   อาศัยมิได้  มิได้เป็นไป   หาอารมณ์มิได้   นั้นแล  เป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ข) ตรัสว่า เป็นที่ที่พระอเสขมุนีคือ พระอรหันต์ทั้งหลายไปแล้วไม่เศร้าโศก  ดังนี้

สตฺถา ภิกขเว เอวรูปานํ อเสขมุนีนํ อภิสมฺปราโย นาม นตฺถิ. เอวรูปา หิ อจฺจุตํ อมตํ มหานิพฺพานเมว ปาปุณนฺตีติ วตฺวา อิมํ  คาถมาห

อหึสกา เย มุนโย นิจฺจํ กาเยน สํวุตาเต ยนฺติ อจฺจุตํ ฐานํ ยตฺถ คนฺตฺวา นโสจเรติ.อจฺจุตนฺติ สสฺสตํ.  ฐานนฺติ อกุปฺปฏฐานํ ธุวฏฐานํ. ยตฺถา ติ ยสฺมึ คนฺตฺวา นโสจนฺติ น วิหญฺญนฺติ ตํ นิพฺพานฏฐานํ  คจฺฉนฺตีติ  อตฺโถ.

แปล ความว่า   พระศาสดาตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย  ชื่อว่าอภิสัมปรายภพของพระอเสขมุนีทั้งหลายผู้เห็นปานนั้น ย่อมไม่มีเพราะว่าพระอเสขมุนีผู้เห็นปานนั้น  ย่อมบรรลุมหานิพพานอันไม่จุติ   อันไม่ตายดังนี้แล้ว   จึงตรัสพระคาถานี้ว่า

มุนีเหล่าใด เป็นผู้ไม่เบียดเบียน สำรวมแล้วด้วยกายเป็นนิตย์, มุนีเหล่านั้น ย่อมไปสู่ฐานะ (ที่) อันไม่จุติ.  ซึ่งเป็นที่ชน (อเสขมุนี) ทั้งหลายไปแล้วไม่เศร้าโศก.

บทว่า อจฺจุตํ ได้แก่ เที่ยง 
บทว่า  ฐานํ ได้แก่  ฐานะ (ที่)  ที่ไม่กำเริบ  คือ  ฐานะ  (ที่)  ที่ยั่งยืน.
บทว่า ยตฺถ เป็นต้น  ความว่า  มุนีทั้งหลายย่อมไปสู่ ฐานะ (ที่) คือ พระนิพพาน ซึ่งเป็นที่ชน (อเสขมุนี)  ทั้งหลายไปแล้วไม่เศร้าโศก  คือไม่เดือดร้อน

ค) ตรัสว่า  พระนิพพาน  เห็นได้ยาก   ดังนี้
ทุทฺทสํ  อนตํ   นาม    น  หิ   สจฺจํ   สุทสฺสนํ
ปฏิวิทฺธา   ตณฺหา  ชานโต    ปสฺสโต   นตฺถิ   กิญฺจนนฺติ.

แปลความว่า
ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยากชื่อว่า นิพพาน  ไม่มีตัณหา. นิพพานนั้นเป็นธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย. ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้  ผู้เห็นอยู่.

ง)  ตรัสว่า พระนิพพาน ตรัสรู้ตามได้ยาก ดังนี้
อธิคโต  โข  มยายํ   คมฺภีโร  ทุทฺทโส  ทุรานุโพโธ   สนฺโต  ปณีโต  อตกฺกาวจโร   นิปุโณ   ปณฺฑิตเวทนีโย.

แปลความว่า
ธรรมที่เราบรรลุแล้วนี้  เป็นธรรมลึกซึ้ง ยากที่จะเห็นได้ สัตว์อื่นจะตรัสรู้ตามได้ยาก  เป็นธรรมสงบระงับ ประณีต ไม่เป็นวิสัยที่หยั่งลงได้ด้วยความตรึก  เป็นธรรมละเอียด อันบัณทิตจะพึงรู้แจ้ง.

ความคิดเห็นที่ 115    จากคุณสมถะ - [17 ก.พ. 51 21:07:27]

อธิบายว่า
พระอเสขมุนี คือ พระอรหันต์นั้น ไม่ใช่เบญจขันธ์เพราะเบญจขันธ์เป็นมตธรรมที่ต้องตาย  แต่ความบรรลุมหานิพพานอันไม่จุติ  อันไม่ตายคือความบรรลุพระนิพพานธาตุ อันเป็นอมตธรรมที่เที่ยง (นิจฺจํ/สสฺสตํ/ธุวํ)  ที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตายอีก

จึงเป็นบรมสุข (ปรมํ สุขํ) เมื่อยังครองเบญจขันธ์อยู่ ชื่อว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ถ้าเบญจขันธ์แตกทำลาย (ตาย)  แล้ว ชื่อว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

พระอรหันตบุคคลท่านตายแต่เบญจขันธ์ แต่พระนิพพานธาตุ คือธรรมกาย ที่บรรลุพระอรหัตตผลของท่านยังอยู่ และความที่พระนิพพานธาตุ คือ ธรรมกายที่บรรลุพระอรหันตตผลของท่านเป็นวิสังขารธรรม/อสังขตธรรม ที่ไม่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง

เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรมล้วนๆ   จึงไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดใหม่อีก สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้ตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าอภิสัมปรายภพของพระอเสขมุนีทั้งหลายผู้เห็นปานนี้  ย่อมไม่มี

เมื่อพระอเสขมุนี (พระอรหันตบุคคล)ท่านดับขันธ์เข้าสู่อายตนะนิพพาน (ปรินิพพาน)  ด้วยอนุ ปาทิเสสนิพพานธาตุ คือ ด้วยธรรมกายที่บรรลุพระอรหัตตผล อันเป็นอมตธรรมที่ไม่กำเริบ (อกุปฺปฏฐานํ) ที่เที่ยง (นิจฺจํ/สสฺสตํ)  คือ ที่ไม่เคลื่อน (ไม่ต้องตาย-อจฺจุตํ)

จึงชื่อว่าไม่เศร้าโศก ไม่เดือดร้อน สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสว่า  มุนีเหล่านั้น  ย่อมไปสู่ฐานะ (ที่) อันไม่จุติ ซึ่งเป็นที่ชน (อเสขมุนี) ทั้งหลาย ไปแล้วไม่เศร้าโศก.

พระนิพพานธาตุ คือ ธรรมกายที่บรรลุอรหัตตผล และอายตนะนิพพานนั้น เห็นได้ยาก คือ ไม่อาจเห็นได้ด้วยอายตนะของมนุษย์  ทิพย์ พรหม และ ของอรูปพรหม

เพราะเป็นธรรม ที่เอียดประณีตเกินกว่าที่อายตนะใดในภพ ๓ นี้ จะเข้าถึงและสัมผัสได้ แต่ก็ธรรมที่บัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง และตรัสรู้ตามได้

คือ สามารถจะเข้าถึงได้โดยทางปฏิบัติในอธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา อันมีนัยอยู่ในอริยมรรคมีองค์ ๘ 

สัมผัสได้  เห็นได้  และรู้แจ้งได้  ด้วยอายตนะที่บริสุทธิ์ผ่องใส และละเอียด ประณีตเสมอกัน คือ ด้วยญาณของธรรมกาย  นับตั้งแต่โคตรภูญาณที่สุดละเอียดขึ้นไป ถึงมรรคญาณ ผลญาณ ของธรรมกายที่บรรลุมรรค ผล นิพพาน

ความคิดเห็นที่ 116 จากคุณสมถะ - [17 ก.พ. 51 21:09:10]

พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด  จนฺทสโร) และศิษยานุศิษย์ผู้ปฏิบัติได้ถึงธรรมกายที่สุดละเอียด ต่างได้แสดงว่า

ในอายตนะนิพพาน เห็นมีแต่พระนิพพานธาตุ คือธรรมกายที่บรรลุอรหัตตผลแล้ว ของพระอรหันต์ ซึ่งดับขันธ์เข้าปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ต่างประทับเข้านิโรธธาตุ สงบตลอดกันหมด

พระนิพพานธาตุ คือ ธรรมกายตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเห็นประทับอยู่บนรัตนบัลลังก์   แวดล้อมด้วยพระนิพพานธาตุพระอรหันต์ขีณาสพ ประทับนั่งอยู่บนองค์ฌาน  เวียนขวาโดยรอบ  มีระยะห่างกันชั่วกึ่งองค์ฌาน คือ ประมาณ ๑๐ วา

พระนิพพาน (ธรรมกาย) มีจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนพระนิพพานธาตุของพระปัจจเจกพุทธเจ้า จะเห็นประทับอยู่บนรัตนบัลลังก์ลำพังพระองค์เดียว ทุกพระองค์สว่างไสวด้วยธรรมรังสี  พระรัศมีของแต่ละพระองค์ไม่เท่ากัน ต่างกันด้วยบุญบารมีมีที่ได้บำเพ็ญมาไม่เท่ากัน ในอายตนะนิพพานไม่มีพระอาทิตย์และพระจันทร์ ไม่มีน้ำ ดิน ไฟ ลม ฯลฯ 

ในอายตนะ นิพพาน ไม่มีการไปมาหาสู่กัน ไม่มีความเป็นไปใดๆ  เช่นการทำงานหรือการประกอบอาชีพใดๆ  เลี้ยงชีวิตอย่างชาวโลก

ปราศจากกิเลสตัณหา ไม่เป็นที่ตั้งแห่งกิเลสอวิชชาตัณหาราคะใดๆ  จึงไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด  เหมือนสัตว์โลกในภพ  ๓ 

เป็นธรรมธาตุที่บริสุทธิ์ไม่มีอารมณ์ เป็นที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ทั้งปวง และเป็นบรมสุข พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสว่า เราย่อมไม่กล่าวเลย ซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่  เป็นการจุติ เป็นการอุบัติ..นั้นแล  เป็นที่สุดแห่งทุกข์.

โย  จ  วสฺสสตํ  ชีเว  อปสฺสํ  อมตํ  ปทํ
เอกานํ   ชีวิตํ   เสยฺโย   ปสฺสโต  อมตํ  ปทํ.

ก็ผู้ใด ไม่เห็นบทอันไม่ตาย (อมตมหานิพพาน) พึงเป็นอยู่  ๑๐๐ ปี.  ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้เห็นบทอันไม่ตาย ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ของผู้นั้น.

ความคิดเห็นที่ 117 จากคุณสมถะ - [17 ก.พ. 51 21:14:01 ]

ผมนำเสนอในส่วนที่พาดพิงกัน และเพื่อความชัดเจนว่า ความละเอียดลึกซึ้งของเรื่องพระนิพพานนั้น  จะเอาตำรามาว่ากันก็จักไม่มีทางยุติ แต่ถ้าได้ลองลงมือปฏิบัติธรรมได้แล้ว  จะพอเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ตำราเขียนนั้นมีนัยลึกซึ้งอย่างไร

โปรดจำไว้ว่า นี่ไม่ใช่วิสัยของความตรึก นึก คิด ไปตามตำรา ที่จะทำให้ท่านเข้าใจเรื่องพระนิพพานได้ตลอดทั่วถึง

แต่นี่เป็นวิสัยของบัณฑิตที่ลงมือปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรม  เพราะผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต  นั่นเอง

เมื่ออ้างถึงตรงนี้ คือเรื่องพระนิพพาน  จะกล่าวว่าร้ายกันฝ่ายเดียวก็ไม่สมควร  จึงนำเสนอข้อมูลของผู้ฝึกให้เป็นธรรมกายและได้รู้เห็นสัมผัสพระนิพพาน มาอธิบายตามสมควร

โปรดจำไว้ว่านี่ไม่ใช่วิสัยของความตรึกจะหยั่งถึงนะครับ...

พอคุณสมถะเสนอข้อมูลมาแบบนั้น  อันธพาล Ritti Janson [ 18 ก.พ. 51 10:57:30 ] หายจากกระทู้ไปทั้งคืน กลับเข้ามาใหม่ในความคิดเห็นที่ 124  ดังนี้

คน ....................... อันตราย !!!!!!
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6342845/Y6342845.html

ขอเชิญ "นักวิชชาธรรมกายนิยม" มาตอบข้อสงสัยเล็กๆน้อยๆ ด้วยครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6342915/Y6342915.html

ขอให้พิจารณดูนะครับ  จากการที่โต้ตอบกับคุณรักเธอเสมอมาอย่างราชสีห์กับลูกแกะ พอมาเจอคุณสมถะในข้อมูลล้วนๆ โดยไม่ต้องอธิบายเปรียบเทียบเพื่อหักล้างกัน อันธพาล Ritti Janson ไปไม่เป็นเลยวุ้ย

ไม่พูดไม่จา เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนประเด็นไปเลย  คราวนี้ อันธพาล Ritti Janson กลายเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า ดิ้นพลาดๆ  แล้วก็หนีหายไปจากกระทู้ดังกล่าวเลย

ความคิดเห็นข้างบนนั้น เป็นความคิดเห็นสุดท้ายของอันธพาล Ritti Janson  ส่วนลิงก์ดังกล่าวนั้น ตายไปหมดแล้ว ผมลองตามไปดูแล้ว

คำวิพากษ์วิจารณ์สำหรับอันธพาล Ritti Janson จะมีอีก ผมจะเขียนเอง โดยจะเปรียบเทียบกับงานเก่าที่ผมด่าอันธพาล Ritti Janson ว่า “ปัญญาอ่อน” มาแล้วหนึ่งครั้ง

โปรดติดตาม เพราะ ในช่วงนี้ จะไปเขียนกระทู้นี้ ในส่วนของคนอื่นๆ ก่อน....



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น